จากกรณี คสช.สั่งจัดระเบียบชายหาดภูเก็ต โดยห้ามกางเตียงผ้าใบทุกประเภทนั้น ทางฝั่งของผู้ประกอบการเตียงผ้าใบเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากสูญเสียรายได้และที่ทำมาหากิน และเกิดเป็นข่าวดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เก็บเตียงออกจากชายหาด โดยระบุว่าเป็นกฎระเบียบใหม่ ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในหมู่นักท่องเที่ยว จึงรวมตัวกันประท้วงบนโรงพักกมลา จ.ภูเก็ต ถึงขั้นประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับมาเที่ยวที่เมืองไทยอีกนั้น
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลัง จากผู้ที่เสียผลประโยชน์หรือไม่ และขอข้อมูลจาก สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวก่อนหลังจัดระเบียบ เพื่อเปรียบเทียบว่าเมื่อไม่มีเตียงผ้าใบแล้วยอดนักท่องเที่ยวจะลดลงจริงอย่างที่ผู้ประกอบการบางท่านอ้างไว้หรือไม่...
ส.ธุรกิจการท่องเที่ยว ปัด ไม่เกี่ยวจัดระเบียบ นักท่องเที่ยวลดอิงเศรษฐกิจโลก
นายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกฝ่ายการตลาด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เปิดเผยถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ว่า อัตราการเข้าพักก่อน คสช.จัดระเบียบชายหาด ค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยวประมาณ 80-90% หลังจัดระเบียบลดลงไปเล็กน้อยประมาณ 70% ขณะที่รัสเซียย้ายฐานการท่องเที่ยว ประกอบกับเศรษฐกิจยุโรปตกต่ำในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 57 ทำให้นักท่องเที่ยวลดเหลือ 50% และช่วง ม.ค. 58 ปรับตัวดีขึ้นมาเป็น 65% ส่วนล่าสุดในเดือน ก.พ. กลับมาดีขึ้นถึง 90% ฉะนั้น การจัดระเบียบของ คสช.ไม่ได้มีผลกระทบ แต่เป็นเศรษฐกิจโลกต่างหากที่กระทบการท่องเที่ยวภูเก็ต
ทั้งนี้ การจัดระเบียบชายหาดของ คสช. ไม่ได้มีผลกระทบกับการท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ เนื่องจากไม่ต้องโดนไล่ที่เพราะว่ามีเตียงมากั้นอยู่ เพียงแค่ใช้ผ้าปูนอนผืนเดียวก็สามารถทำได้ ไม่ต้องเสียค่าเตียงผ้าใบ นักท่องเที่ยวจึงมีความสุขมากกว่า
ผู้ว่าฯ เผย ฝรั่งประท้วงหาดภูเก็ต เรื่องนี้มีเบื้องหลัง !
ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวคุณจะกล้าเดินประท้วงกฎระเบียบที่ออกมาหรือไม่? นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตั้งคำถามกับสังคม โดยอธิบายต่อว่า ในภูเก็ตมีฝรั่งที่ทำมาหากินอยู่แถวนั้นค่อนข้างเยอะ และก็มีแฟนเป็นคนไทยหลายคนเช่นกัน
“สมมติว่าไปเที่ยวประเทศจีนและทางรัฐบาลจีนมีข้อห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้ไว้ ถามว่านักท่องเที่ยวจะกล้าไปประท้วงหรือไม่ ไปชายหาดออสเตรเลีย แต่ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่น เพราะมีแมงกะพรุน และนักท่องเที่ยวไปประท้วงแบบนี้มันสมเหตุสมผลหรือไม่ เรื่องนี้มันมีเบื้องหลัง คุณลองไปคิดดูเองแล้วกัน” ผวจ.ภูเก็ต กล่าว
สร้างอาชีพใหม่ให้ชาวบ้าน เช่าร่มครั้งละ 200 อยู่ได้ไม่ขาดแคลน !
นายนิสิต ให้ข้อมูลว่า ทางจังหวัดได้อนุญาตให้ชาวบ้านหรือผู้ประกอบการที่เคยให้เช่าเตียงหรือยึดครองหาดมาเป็นที่ทำมาหากิน โดยเปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้ให้เช่าร่มแทน ซึ่งราคาการเช่าร่มครั้งละ 200 บาท ถือว่าพออยู่พอกินในระดับหนึ่ง การที่อ้างว่ารายได้ไม่กี่ร้อยบาทต่อวันนั้นเป็นไปไม่ได้
“วันนี้เราอนุญาตให้มีร่มแล้ว แต่เตียงผ้าใบนั้นขอให้เปลี่ยนเป็นร่ม เบาะ ผ้า หรือเสื่อแทน โดยให้เช่าราคาเท่าเดิมไม่ได้มีความแตกต่างอะไร คนในชุมชนที่เขาเคยเดือดร้อนและเคยร้องเรียน เราก็เริ่มเปิดโอกาสให้เขาเป็นผู้ให้เช่า แต่ไม่ได้ให้คนมาซื้อขายสิทธิ์บนชายหาดกันอีก เพราะมันยังมีกลุ่มอิทธิพลที่อยากจะเอาเตียงกลับคืนมา เนื่องจากรายได้มันเยอะ และได้มาง่าย” ผวจ.ภูเก็ต ระบุ
ห้ามเดินผ่าน! ปัญหายึดครองที่ ทำภูเก็ตเสียชื่อ
นายนิสิต เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า ก่อนจะมีการจัดระเบียบชายหาดนั้น เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น มีการนำเตียงผ้าใบมาเรียงๆ กันไว้ แล้วยึดครองสิทธิ์เป็นของตัวเอง หรือ คนไทยเข้าไม่ได้ถ้าไม่ใช้เตียงของร้าน และในสมัยก่อนนักท่องเที่ยวจะเดินออกจากโรงแรมเพื่อไปหาดยังไม่ได้ พอมีการจัดระเบียบเพื่อให้หาดสะอาด จึงมีปัญหาต่อต้านกลับมาแรง
“ก่อนที่จะจัดระเบียบนั้น มีเตียง-ร่ม เต็มหาดไปหมดไม่รู้ใครผิดใครถูก แล้วคนเดิมก็เอาไปจองเรียงกันจนชิด เอากิ่งไม้ไปปักไว้นี่เป็นของข้านี่เป็นของเอ็ง มันก็จะเกิดการยึดชายหาดขึ้น แล้วก็มีเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวอีก พอจัดระเบียบจึงมีคนเสียผลประโยชน์มากมาย” ผวจ.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติม
วิถีชุมชนขัดแย้ง สร้างทางสายกลาง จัดโซนกางร่ม 10% !
นายนิสิต อธิบายถึงสถานการณ์หลังจัดระเบียบชายหาดใน จ.ภูเก็ต ว่า ปัจจุบันชีวิตชุมชน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ต้องการให้ชายหาดสะอาด ไม่ต้องการให้มีทั้งร่มและเตียงผ้าใบ ส่วนอีกกลุ่มต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทางจังหวัดจึงสร้างทางสายกลางขึ้น โดยการจัดโซน 10% ช่วงบนของชายหาด เพื่อเป็นที่สำหรับให้กางร่มเท่านั้น ไม่มีการให้เช่ากางเตียงผ้าใบ สำหรับ 10% หลายคนอาจมองว่ามันน้อยไป แต่ถ้าจัดมากกว่านี้จะเหมือนปิดหาดไปเลย แต่อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินสถานการณ์ว่าควรจะจัดเพิ่มหรือไม่อย่างไร
“การประเมินจะยึดนักท่องเที่ยวเป็นหลักว่าเขามีความต้องการอย่างไร นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมากันเป็นครอบครัว เด็กๆ หรือคนแก่ จะทนร้อนกันได้อย่างไร มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของการมีร่ม แต่เรื่องเตียงผ้าใบคนภูเก็ตเขาไม่เอา เขากลัวว่ามันจะเกิดการเข้ามายึดหาดแบบเดิมเท่านั้นแหละ ก็เลยออกทางสายกลางว่า จะมีทั้งเบาะ เสื่อ ผ้า หรือร่มก็ได้แต่ขอให้อยู่ในโซน” ผวจ.ภูเก็ต กล่าว
นักท่องเที่ยวพอใจ หาดสะอาด ไร้มาเฟีย
Mr.Oliver Campbell-Smith อายุ 37 ปี นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เผยว่า ตนรู้สึกพึงพอใจที่ชายหาดดูสะอาดตา จากที่เมื่อก่อนต้องเสียค่าเตียงผ้าใบ แต่ปัจจุบันไม่ต้องเสียในส่วนนี้และยังพกผ้ามาปูนอนได้ รวมถึงยังหมดปัญหาเรื่องมาเฟียเก็บค่าที่อีกด้วย สำหรับตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลเข้ามาจัดระเบียบอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
ยอดนักท่องเที่ยวหลังจัดระเบียบพุ่งสูง คงเป็นคำตอบได้ว่า เตียงผ้าใบไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดในการบินมาเที่ยวชายหาดอันดามันเลย แต่ความสวยงามของทะเลภูเก็ตต่างหาก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี่ !
ที่มา: thairat.co.th
0 comments:
Post a Comment